แชร์

3 สิ่งที่ฉุดรั้งตัวเราจากความสำเร็จ

อัพเดทล่าสุด: 15 ต.ค. 2024
66 ผู้เข้าชม

ความสำเร็จเป็นสิ่งที่คนทำงานทุกคนปรารถนาในการทำงานและการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตาม ในทุกความสำเร็จย่อมมีปัญหาและอุปสรรคที่รั้งเราไว้ก่อนถึงเส้นชัยเสมอ ทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน

โทนี ร๊อบบินส์ นักสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอความคิดว่า สิ่งที่รั้งความสำเร็จของคนเราไว้ที่เกิดจากปัจจัยภายใน มีด้วยกัน 3 ประการ ได้แก่

[1] การมองปัญหาเป็นเรื่องถาวร

ปัญหาเป็นสิ่งที่ไม่คงอยู่ตลอดไป เมื่อปัญหาที่หนึ่งหมด ปัญหาที่สองอาจจะตามมา เป็นระลอก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าปัญหาที่เผชิญอยู่ มันฝังตัวอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ความคิดของเราต่างหากที่บอกตัวเองว่าปัญหานั้นไม่จบไม่สิ้น ทั้งที่จริง ปัญหาเปรียบเหมือนคลื่นทะเลที่มาเป็นระลอก คลื่นต่ำบ้าง สูงบ้าง สงบบ้าง หากเรายังสถิตย์ยึดโยงกับปัญหานั้น ไม่ปล่อยตัวเองจากการวิ่งวนกับคำว่า ปัญหายังคงอยู่ตลอดเวลา ด้วยความคิดที่ว่า ...

"ทำไมมีแต่ปัญหา ไม่จบไม่สิ้นเสียที"

"อะไรกันนี่..มีปัญหาอยู่ตลอดเวลาเลย"

"เอาอีกแล้ว..เป็นแบบนี้อีกแล้ว"

"ไม่มีทางจะทำอะไรได้เลยกับปัญหานี้ มันแก้ไม่ได้หรอก มันแก้ไม่ได้อย่างแน่นอน"

การใช้คำพูดลักษณะนี้บ่อย ๆ จะทำให้ การรับรู้ ที่มีต่อปัญหา มองว่าปัญหายังคงอยู่ที่เดิม ทั้งที่จริง ๆ แล้ว โจทย์ปัญหาอาจจะเปลี่ยน ปัญหาเก่าแก้ไปแล้ว มีปัญหาใหม่เข้ามาต่างหาก

ถ้าเพียงเราปรับความคิดใหม่ ขณะที่กำลังแก้ปัญหาว่า จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง เดี๋ยวว่ากันใหม่ ตอนนี้ปัญหามันประดังเข้ามาหลายทางมาก ต้องเรียกประชุมมาคุยกันว่าปัญหาแท้จริงอยู่ตรงไหนจะได้แก้ไขหรือป้องกันได้ การเปลี่ยนความคิดแบบใหม่นี้จะทำให้เราตระหนักรู้ว่าปัญหามีมา ก็มีไป มาเยอะบ้าง น้อยบ้าง เป็นช่วง ๆ ไป

[2] การขยายปัญหาที่มีอยู่ให้ใหญ่ขึ้น

การ 'เล่นใหญ่' กับปัญหา ด้วยการจินตนาการฟุ้งต่อไปเรื่อยในทางลบว่า 'เดี๋ยวจะเกิดปัญหาอื่นตามมาอีก' เป็นการขยายปัญหาที่มีอยู่ให้ใหญ่ขึ้น ความคิดเช่นนี้จะเป็นความคิดวิตกจริต กังวลจนคิดมาก จึงคิดหาปัญหามาต่อ หาปัญหามาเพิ่ม เติมปัญหาไปเรื่อย ๆ กระพือให้ปัญหาดูยาก ดูใหญ่ ด้วยคำพูดลอย ๆ คิดลบไปก่อนว่า ...

"แย่แล้ว ตายแล้ว สงสัย มันต้องเกิด ....(ปัญหาอื่นๆ) ... ตามมาอีกแน่ ๆ"

"ของเก่ายังแก้ไม่ได้ มาเจอของใหม่อีก นี่เดี๋ยวคงจะมี... เพิ่มมาอีก"

"หัวหน้าต้องเอาตายแน่ ถ้ารู้ขึ้นมาโดนกันยกแผงไม่ได้ผุดได้เกิดกันแน่ จะโดนเรียกพบหรือให้ออกหรือเปล่าก็ไม่รู้"

"เกิดแก้ไม่ได้ ลูกค้าเอาตายแน่ โปรเจคนี้พังแน่ ๆ แล้วลูกค้าที่อยู่คงมาเลิกสัญญากับหมด รายใหม่ทีมีก็คงไม่เอาด้วยแน่ สงสัยงานนี้ต้องปิดบริษัทแน่เลย"

การขยายปัญหาที่อยู่ให้ใหญ่ขึ้นเป็นการมองสิ่งลบในสิ่งลบ เสียเวลากับการมองแต่ปัญหา ปัญหา ปัญหา จนลืมคิดว่าสิ่งที่ควรทำคือรีบหาทางออก หาหนทางแก้ไข ซึ่งจะต่างจากคนที่มีความรอบคอบ พวกเขาจะคาดการณ์ฉากทัศน์ด้านลบหรืออุปสรรคปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จากปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อนำไปวางแผนหากลยุทธที่จะนำมาใช้อุดรอยรั่วที่เกิดขึ้น คนกลุ่มนี้จะมองหาทางแก้ไขและแนวทางในการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้น โดยไม่ตะหนกตกใจจนสร้างสถานการณ์แบบสะเปะสะปะ ฟุ้งไปเรื่อย

[3] ความคิดต่อว่า ด้อยค่าตัวเอง

ศึกภายนอกไม่เท่ากับศึกภายใน และศึกภายในที่สำคัญเมื่อเจอกับปัญหา คือ ความคิดของตัวเราที่มีต่อตัวเราเอง คนที่ด้อยค่าต่อว่าตัวเองอยู่บ่อย ๆ จะมองข้ามศักยภาพและความสามารถที่มีอยู่ในตัว ความคิดที่มักผุดขึ้นมาในหัวสมองบ่อย ๆ ได้แก่..

"ฉันไม่เก่ง ฉันสู้คนอื่นไม่ได้"

"ฉันไม่รู้จะแก้อย่างไร"

"ฉันคงทำอะไรไม่ได้"

"ฉันไม่สามารถจะทำอะไรได้"

"ฉันเป็นตัวถ่วงคนอื่นไหมนี่"

"คนอื่นเก่ง ๆ ทั้งนั้น เราหัวช้า สมาธิสั้น ชอบทำอะไรสะเพร่า ทำผิดเสมอเลย"

เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ก็มักพูดติดปากว่า "ขอโทษ...ฉันผิดเอง ฉันไม่ได้เรื่องเอง"
ความคิดเช่นนี้บั่นทอนศักยภาพภายในตนเองอย่างมาก

สิ่งที่ควรฝึกตนเอง คือ มองหาข้อดีในตนเอง สิ่งที่ตนเองทำได้ในแต่ละวัน และเรียนรู้ว่ามีสิ่งใดบ้างที่เป็นจุดเด่นของเรา ลดการตอกย้ำตนเองให้ลดลง ปรับความคิดใหม่เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ว่า

"ค่อย ๆ ทำไป"
"ค่อย ๆ เรียนรู้ไป"
"ดีขึ้นแล้วกว่าเมื่อวานนี้..ถ้าได้ทำไปเรื่อย ๆ ก็จะดีขึ้น"
"น่าจะไหวนะ ลองทำดูก่อน ถ้าไม่รู้ก็ถามเอา ถ้าเกิดทำผิดขึ้นมาจริง ๆ ก็ยอมรับและเรียนรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น"

การฝึกพูดประโยคเหล่านี้ซ้ำ ๆ อยู่บ่อย ๆ จะเริ่มทำให้เราเริ่มมองตนเองว่า เราก็มีดีอยู่นะ เป็นการช่วยเพิ่มการรับรู้ความสามารถในตนเอง และทำให้เกิดความมั่นใจในตนเองมากขึ้นด้วย

ฝึกปรับวิธีคิดตนเองอยู่บ่อย ๆ ในการใช้ชีวิต เพราะพลังของความคิดนั้นส่งผลต่อการกระทำ ที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ หรือ เกือบจะสำเร็จได้


---
 Author
ผศ.ดร.จิตรา ดุษฏีเมธา
อาจารย์มหาวิทยาลัย
นักจิตวิทยา
Senior Action Learning Coach
TPS Master Facilitator

  Artwork
จุฑามาศ ใจสมัคร 


บทความที่เกี่ยวข้อง
4 วิธีดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
แม้สุขภาพจิตของพนักงานจะเป็นปัจจัยที่สำคัญแต่ยังมีหลายองค์กรที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเพียงพอ ปัญหาความเครียด การหมดไฟในการทำงาน และภาวะซึมเศร้า กำลังกลายเป็นความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ การให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตไม่เพียงช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรโดยรวม ดังนั้น องค์กรควรพิจารณาแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
31 ม.ค. 2025
ดูแลสุขภาพจิตของพนักงาน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของพนักงานไม่ใช่เพียงแค่การดูแล "คน" แต่เป็นการลงทุนที่ช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกด้าน เมื่อพนักงานมีสุขภาพจิตและกายที่ดี องค์กรจะได้ทีมงานที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร
31 ม.ค. 2025
ขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ ให้ความต่างสร้างการเติบโต
เมื่อพูดถึงความขัดแย้ง คนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะหลีกเลี่ยง เพราะคิดว่าจะนำไปสู่ความไม่พอใจ แตกแยก หรือสูญเสีย แต่ในความเป็นจริง ความขัดแย้งไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป หากเราสามารถจัดการและใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเหมาะสม ความขัดแย้งอาจกลายเป็นตัวกระตุ้นที่นำไปสู่การพัฒนา การสร้างนวัตกรรม และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทีมได้
31 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy