แชร์

4 วิธีตั้งคำถามเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

The_Art_of_Change_Final.png The Art of Change
อัพเดทล่าสุด: 8 ส.ค. 2025
336 ผู้เข้าชม

คำพูดอันทรงพลังของ Albert Einstein ที่กล่าวว่า

"ถ้าฉันมีเวลา 1 ชั่วโมงในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญมาก ๆ ฉันจะใช้เวลา 55 นาทีในการตั้งคำถามดี ๆ เกี่ยวกับปัญหานั้นและใช้เวลา 5 นาทีในการคิดวิธีแก้ปัญหา"

สะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้ของการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เรามักจะรีบเร่งหาคำตอบโดยไม่ได้ทำความเข้าใจกับปัญหาอย่างถ่องแท้ก่อน

การตั้งคำถามที่ถูกต้องและครอบคลุมจะช่วยให้เราเห็นมุมมองที่หลากหลายและเข้าใจรากเหง้าของปัญหาได้ดียิ่งขึ้น

การใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการวิเคราะห์และตั้งคำถามอาจดูเหมือนเสียเวลาแต่กลับเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเวลาในระยะยาว เพราะเมื่อเราเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้งแล้ว การหาทางแก้ไขจะเป็นไปอย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปรียบเสมือนการเดินทางที่มีแผนที่ที่ชัดเจนย่อมดีกว่าการออกเดินทางแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง

นอกจากนี้ การตั้งคำถามยังช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ หลายครั้งที่การตั้งคำถามแปลก ๆ หรือท้าทายสมมติฐานเดิม ๆ นำไปสู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่นที่ Einstein เองก็ได้ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพจากการตั้งคำถามเกี่ยวกับธรรมชาติของแสงและเวลา

แนวคิดนี้สอนให้เราเห็นว่าคุณภาพของคำตอบขึ้นอยู่กับคุณภาพของคำถามที่เราตั้งและการลงทุนเวลากับการทำความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้งจะนำมาซึ่งวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในที่สุด

4 วิธีตั้งคำถาม เพื่อแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

1. คำถามวิเคราะห์รากของปัญหา (Root Cause Analysis)

"อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานี้?"

การถามแบบนี้ช่วยให้เราขุดลึกลงไปถึงต้นตอที่แท้จริงไม่ใช่เพียงแค่อาการที่ปรากฏให้เห็น เช่น ถ้าพนักงานลาออกบ่อย แทนที่จะรีบหาคนใหม่มาทดแทน เราควรถามว่าทำไมพวกเขาถึงลาออก มีปัจจัยอะไรที่ทำให้พวกเขาไม่มีความสุขในการทำงาน

2. คำถามมุมมองที่หลากหลาย (Multiple Perspective Questions)

"มีใครบ้างที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้และพวกเขามองปัญหานี้อย่างไร?"

คำถามนี้ช่วยให้เราเข้าใจผลกระทบในวงกว้างและมุมมองที่แตกต่าง นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ครอบคลุมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เช่น ในการปรับเปลี่ยนนโยบายองค์กร
เราต้องพิจารณาผลกระทบต่อพนักงาน ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด

3. คำถามท้าทายสมมติฐาน (Assumption-Challenging Questions)

"เราเคยลองทำวิธีอื่นที่แตกต่างจากนี้หรือไม่? ทำไมเราถึงคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด?"

คำถามประเภทนี้ช่วยให้เราหลุดออกจากกรอบความคิดเดิม ๆ และเปิดโอกาสให้เกิดวิธีการแก้ปัญหาแบบใหม่ที่อาจมีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น การตั้งคำถามกับวิธีการทำงานแบบเดิม ๆ อาจนำไปสู่การค้นพบวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่า

4. คำถามผลลัพธ์และการวัดผล (Outcome and Measurement Questions)

"เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปัญหานี้ได้รับการแก้ไข? อะไรคือตัวชี้วัดความสำเร็จ?"

คำถามเหล่านี้ช่วยให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้ เช่น ในการปรับปรุงคุณภาพการบริการ เราต้องกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า
จำนวนข้อร้องเรียนที่ลดลง ระยะเวลาในการให้บริการที่รวดเร็วขึ้น 

เมื่อเราใช้เวลาในการตั้งคำถามที่ดีและครอบคลุมจะทำให้เราเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง นำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว

 Author

ออแบท-อธิษฐ์กร นิยมเดชาธีรฉัตร
PositivePsychologist นักจิตวิทยาองค์กร
Professional Action Learning Coach
Team Psychological Safety Facilitator

 Artwork: Jutha.J


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy