แชร์

บริหารเวลาไม่ได้ ร้ายกว่าที่คิด !

อัพเดทล่าสุด: 25 ก.ย. 2024
74 ผู้เข้าชม

'การบริหารเวลาที่ไม่มีประสิทธิภาพ' เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกปัจจุบันที่มีความเร่งรีบและการแข่งขันสูง การไม่สามารถจัดการเวลาได้อย่างเหมาะสมนำไปสู่ความกดดันและความเครียดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อทั้งประสิทธิภาพในการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวม

ต่อไปนี้คือผลกระทบที่สำคัญ 8 ประการจากการบริหารเวลาที่ไม่มีประสิทธิภาพ

[1] งานคั่งค้างสะสม:
เมื่อไม่สามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานต่าง ๆ มักจะสะสมและค้างมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งนี้สร้างวงจรอุบาทว์ที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีภาระงานมากเกินไป ยิ่งมีงานค้างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกกดดันและยากที่จะเริ่มต้นจัดการ ในที่สุดอาจนำไปสู่ภาวะ "อัมพาตทางการทำงาน" ที่ไม่สามารถเริ่มต้นทำอะไรได้เลยเพราะรู้สึกว่างานทั้งหมดนั้นเกินกำลัง

[2] ไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน:
การบริหารเวลาที่ดีต้องอาศัยความสามารถในการแยกแยะระหว่างงานที่สำคัญและเร่งด่วนกับงานที่สามารถรอได้ เมื่อไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ จะเกิดความสับสนว่าควรทำอะไรก่อนหลัง ส่งผลให้อาจใช้เวลาไปกับงานที่มีความสำคัญน้อยในขณะที่งานสำคัญถูกละเลย นำไปสู่ความเครียดและความรู้สึกว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการสร้างผลงานที่มีคุณค่าต่อองค์กรหรือต่อความก้าวหน้าในอาชีพ

[3] ทำงานไม่ทันกำหนดส่ง:
การส่งงานล่าช้าหรือไม่ทันตามกำหนดเวลาเป็นผลโดยตรงจากการบริหารเวลาที่ไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังสร้างความกังวลและความกดดันอย่างมากจากหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้า ความล่าช้านี้อาจนำไปสู่การสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ การถูกตำหนิ หรือแม้กระทั่งการถูกลงโทษทางวินัย ซึ่งทั้งหมดนี้ยิ่งเพิ่มความเครียดและความกดดันในการทำงานมากขึ้นไปอีก

[4] คุณภาพงานลดลง:
เมื่อต้องเร่งทำงานให้เสร็จเพราะบริหารเวลาไม่ดี มักส่งผลให้คุณภาพของงานด้อยลง การทำงานแบบเร่งรีบอาจนำไปสู่ความผิดพลาด การละเลยรายละเอียดสำคัญ หรือการไม่ได้ตรวจทานงานอย่างรอบคอบ ผลลัพธ์คืองานที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งนอกจากจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้รับงานแล้ว ยังทำให้ตัวผู้ทำงานเองเกิดความรู้สึกไม่พอใจในตนเอง เกิดความกดดันที่จะต้องปรับปรุงผลงาน และอาจนำไปสู่การสูญเสียความมั่นใจในความสามารถของตนเองในระยะยาว

[5] ขาดสมดุลในชีวิต:
การทำงานล่วงเวลาบ่อยครั้งเพื่อชดเชยการบริหารเวลาที่ไม่ดีในช่วงเวลาทำงานปกติ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตส่วนตัว ทำให้ขาดเวลาพักผ่อน เวลาสำหรับครอบครัว หรือเวลาทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ การขาดสมดุลนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังทำลายความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และลดประสิทธิภาพในการทำงานในระยะยาว เนื่องจากไม่มีเวลาฟื้นฟูพลังงานและแรงบันดาลใจในการทำงาน

[6] ความรู้สึกสูญเสียการควบคุม:
เมื่อไม่สามารถจัดการงานและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มักเกิดความรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ในชีวิตได้ ความรู้สึกนี้นำไปสู่ความเครียด ความวิตกกังวล และในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า การสูญเสียความรู้สึกควบคุมยังส่งผลต่อความมั่นใจในตนเอง ทำให้ยากที่จะตัดสินใจหรือริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาตนเองและความก้าวหน้าในอาชีพ

[7] ผลกระทบต่อทีม:
ในการทำงานเป็นทีม การบริหารเวลาที่ไม่ดีของสมาชิกคนใดคนหนึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของทีมโดยรวมได้อย่างมาก เช่น การส่งงานล่าช้าอาจทำให้เพื่อนร่วมทีมไม่สามารถเริ่มงานในส่วนของตนได้ หรือต้องเร่งงานเพื่อชดเชยความล่าช้า สิ่งนี้สร้างความตึงเครียดในทีม ทำลายความไว้วางใจ และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างสมาชิก นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้ทีมพลาดโอกาสสำคัญหรือไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้

[8] โอกาสที่หายไป:
การใช้เวลาไปกับงานที่ไม่สำคัญหรือไม่เร่งด่วน อาจทำให้พลาดโอกาสสำคัญในการพัฒนาตนเองหรือความก้าวหน้าในอาชีพ เช่น การไม่มีเวลาเข้าร่วมการอบรมที่จำเป็น การพลาดโอกาสในการนำเสนอผลงานสำคัญ หรือการไม่สามารถรับผิดชอบโครงการใหม่ ๆ ที่ท้าทาย การสูญเสียโอกาสเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตในหน้าที่การงานเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้รู้สึกว่าตนเองถูกทิ้งไว้ข้างหลังเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงานและความกดดันที่เพิ่มขึ้น

การตระหนักถึงผลกระทบเหล่านี้ เป็นก้าวแรกในการปรับปรุงทักษะการบริหารเวลา การพัฒนาความสามารถในการจัดการเวลาไม่เพียงแต่จะช่วยลดความกดดันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่ยังสามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตโดยรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ


---

 Author
ออแบท-อธิษฐ์กร นิยมเดชาธีรฉัตร
PositivePsychologist นักจิตวิทยาองค์กร
Professional Action Learning Coach
Team Psychological Safety Facilitator


  Artwork
จุฑามาศ ใจสมัคร


#theartofchange
#teampsychologicalsafety
#highperformingteams


บทความที่เกี่ยวข้อง
4 วิธีดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
แม้สุขภาพจิตของพนักงานจะเป็นปัจจัยที่สำคัญแต่ยังมีหลายองค์กรที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างเพียงพอ ปัญหาความเครียด การหมดไฟในการทำงาน และภาวะซึมเศร้า กำลังกลายเป็นความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ การให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตไม่เพียงช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรโดยรวม ดังนั้น องค์กรควรพิจารณาแนวทางที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
31 ม.ค. 2025
ดูแลสุขภาพจิตของพนักงาน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
การดูแลสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ของพนักงานไม่ใช่เพียงแค่การดูแล "คน" แต่เป็นการลงทุนที่ช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างยั่งยืนในทุกด้าน เมื่อพนักงานมีสุขภาพจิตและกายที่ดี องค์กรจะได้ทีมงานที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในระยะยาวขององค์กร
31 ม.ค. 2025
ขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์ ให้ความต่างสร้างการเติบโต
เมื่อพูดถึงความขัดแย้ง คนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะหลีกเลี่ยง เพราะคิดว่าจะนำไปสู่ความไม่พอใจ แตกแยก หรือสูญเสีย แต่ในความเป็นจริง ความขัดแย้งไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป หากเราสามารถจัดการและใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างเหมาะสม ความขัดแย้งอาจกลายเป็นตัวกระตุ้นที่นำไปสู่การพัฒนา การสร้างนวัตกรรม และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทีมได้
31 ม.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy